เรื่องย่อ Prey of the Devil สวดส่งไปลงนรก

 เรื่องราวของแม่ชีคนหนึ่งที่ได้รับเลือกให้เข้าเรียนวิชาปราบผีกับบรรดาบาทหลวง แม้ว่าจะเป็นข้อห้ามก็ตาม แต่เพราะเธอมีพรสวรรค์อย่างมาก จึงได้รับการยกเว้น ท่ามกลางเหตุการณ์ผีสิงที่ทวีเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต แม่ชีผู้นี้ได้ออกไปสู้ศึกในแนวหน้าเมื่อเด็กหญิงคนหนึ่งถูกผีร้ายเข้าสิง แม่ชีสงสัยว่าผีตัวดังกล่าวอาจเป็นตัวเดียวกับที่เคยสิงแม่ของเธอ แต่แล้วเธอก็ได้พบความจริงที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า รีวิวการ์ตูนแอนิเมชั่น


หนังเป็นผลงานการกำกับของ “แดเนียล สแตมม์” ที่เคยแจ้งเกิดมาจากหนังแนวปราบผีแบบนี้ เมื่อสิบกว่าปีก่อน อย่าง The Last Exorcism และเขายังผู้กำกับฉบับรีเมคหนังไทย 13 เกมสยอง เวอร์ชั่นฮอลลิวูดด้วย คราวนี้ถือว่าได้กลับมาจับงานสร้างหนังอีกครั้งในรอบหลายปี ก็ถือว่าใช้ประสบการณ์และไอเดียในแบบฉบับของเขา เซอร์วิสแฟน ๆ หนังสยองขวัญด้วยการใส่จังหวะและโทนที่เขารู้ดีกว่าแฟนหนังจะชอบแบบไหนมากที่สุด



แต่เอาเข้าจริง ๆ นั้น Prey of the Devil อาจจะยังไม่ใช่หนังที่บทหนังที่แข็งแรง รวมทั้งประเด็นในหนังที่หนักแน่นมากสักเท่าไหร่ เหมือนตัวหนังยังค่อนข้างอยู่ในเซฟโซนไปสักหน่อย เลยใช้วิธีผสมผสานหนังผีดัง ๆ จากยุคปัจจุบันมาประยุกต์เข้ากับโทนความคลาสสิกแบบหนังผีสิงในยุคก่อน ถามว่าส่วนผสมออกมาดีหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าค่อนข้างใช้ดี เพียงแต่หนังยังไม่ได้ถึงกับมอบความแปลกใหม่อะไรให้กับคนดูได้ขนาดนั้น



จุดหนึ่งที่ถือว่าหนังพยายามและเกือบจะประสบความสำเร็จ ก็คือการใช้ตัวละครหลักเป็นผู้หญิงในขับเคลื่อน ใช้แม่ชีเข้ามาผู้โยงเรื่องราวในการปราบปรามปีศาจร้าย ที่เราแทบจะไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่ และถือว่าเป็นการยกระดับและลบล้างแนวคิดชายเป็นใหญ่ในศาสตร์ปราบผีแห่งคริสตจักรลงไปได้อย่างแยบยล สามารถสะบัดบ๊อบใส่บาทหลวงไปได้สวย ๆ เพราะซิสเตอร์คนนี้ก็สามารถผงาดขึ้นมาได้ด้วยทักษะแบบเดียวกัน



การเล่าเรื่องใน Prey of the Devil ก็ค่อนข้างคลีเช่ (จำเจ) ไปในหลายจุด โทนของหนังที่ไม่ได้มีความแปลกใหม่ จังหวะและทิศทางของหนังก็ไม่ได้เดาอะไรได้ยากนัก ยังเป็นการหยิบยืมสูตรสำเร็จเดิม ๆ มาใช้ต่อยอดไปเรื่อย ๆ แต่กระนั้นหนังก็ดีไซน์และขับเคลื่อนอารมณ์ความน่ากลัวและความผวาเข้ามาได้อย่างตอบสนองผู้ชมได้ดี มีฉากให้สะดุ้ง มีซีนให้ผวา ถึงแม้ว่าปมอะไรต่าง ๆ ที่วางเอาไว้นั้นจะค่อนข้างพื้นฐาน แต่ก็ยังเป็นหนังที่ดูได้หลอนเพลินไปได้เรื่อย ๆ




หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ใช้บริการนักแสดงที่มีชื่อเสียงอะไรนัก เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของหนังแนว ๆ นี้ไปแล้วกระมัง แต่ “แจคเกอลีน บายเออรส์” ที่มาเป็นแม่ชีแอน และเป็นตัวละครที่ต้องแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้เต็ม ๆ ก็เกือบจะทำให้เธอแบกเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน โชคดีที่ความน่ากลัวของหนังกับความเฮี้ยนของเหล่าปีศาจยังมาช่วยประคับประคองตัวหนังเอาไว้ได้อีกแรง แต่การแสดงของเธอนั้นก็ถือว่าไม่ได้แย่ แต่ก็ยังไม่ใช่ระดับที่โดดเด่นที่สุด การแสดงของเธอยังค่อนข้างติดการแสดงอยู่เล็กน้อย


ขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ก็เหมือนมาเป็นแค่องค์ประกอบเสริม ไม่ว่าจะเป็น “คริสเตียน นาวาร์โร”, “คอลิน ซัลมอน” หรือเจ้าแม่หนังผี “เวอร์จิเนีย แมดเซ่น” ที่ตัวละครที่ไม่ค่อยข้างมีชั้นเชิงอะไรเท่าไหร่ เหมือนถูกจับมาใส่ให้หนังดูเต็ม ๆ เพียงแค่นั้น เพราะความโดดเด่นหลัก ๆ นั้นตกไปอยู่ที่บทของซิสเตอร์แอนเป็นแก่นแท้แล้ว


Comments

Popular posts from this blog

HOUSE OF INEQUITY (2023) หนังสยองขวัญ

รีวิว Waking Karma (2023)

ดูหนังสยองขวัญ Carnifex (2022)