เรื่องย่อ She Dies Tomorrow แพร่พันธุ์วันตาย

 She Dies Tomorrow นำเสนอประเด็นหลักคือเรื่องของอาการอุปาทานหมู่ ซึ่งนักวิจารณ์ที่ต่างประเทศนิยามว่าเป็น “ideological contagion” (การแพร่กระจายในเชิงความคิด / โรคระบาดทางความคิด) หากพินิจดูแล้ว She Dies Tomorrow ก็มีองค์ประกอบคล้ายหนังโรคระบาดทั่วไป หากแต่เชื้อที่ระบาดในหนัง กลับเป็นแนวคิด ความคิด เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นนามธรรม นั้นคือความกลัวตายที่แพร่กระจายออกไปในวงกว้าง ติดต่อจากคนสู่คน รีวิวซีรี่ย์วาย





She Dies Tomorrow เป็นหนังที่ถูกพูดถึงมากว่าเป็นภาพสะท้อนของภาวะฟุ้งซ่านจิตตกของคนปี 2020 (ทั้งที่หนังสร้างขึ้นในปี 2019) ในปีที่คนทั้งโลกประสบกับหายนะทั่วทุกมุมโลก เราเสพข่าวต่าง ๆ ผ่านสื่อ แล้วจมปลักกับความกลัวว่าความตายอาจอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทั้งภัยธรรมชาติ อาชญากรรมในที่สาธารณะ โรคระบาด ความรุนแรงทางการเมือง ด้วยความที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราจึงเกิดการแลกเปลี่ยนทางความคิด อุดมคติ จินตนาการ ซึ่งยิ่งช่วยกระพือความกลัวของคนเราไปในวงกว้าง นี่จึงยิ่งทำให้ She Dies Tomorrow คือหนังจิตวิทยาตลกร้ายที่เป็นหมุดหมายสำคัญของปี 2020 ตามคอนเซ็ปที่ว่าความตายเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าความคิดเรา




การทำงานเรื่อง She Dies Tomorrow แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น ผู้กำกับเอมี่ ไชมิทต์ไม่ได้ตั้งใจจะทำเป็นหนังยาว เธอแค่หาอะไรทำฆ่าเวลาจากการเขียนบทโทรทัศน์ ประกอบกับความรู้สึกที่อยากจะลุกขึ้นมากำกับงานสักชิ้น เธอจึงชวน เจย์ ไคเทล ตากล้องและ เคต ลินน์ ชีลนางเอกของเรื่อง (ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของเธอ) มาถ่ายอะไรกัน โดยใช้เวลาเพียงอาทิตย์เดียว โดยมีไอเดียคร่าว ๆ เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะตายในวันรุ่งขึ้น ก่อนที่จะเกิดแรงบันดาลใจเขียนบทหนังทั้งเรื่องขึ้นมา หลังจากได้ถ่าย และตัดต่อฉากเหล่านั้นไปแล้ว




ไอเดียของเรื่องมาจากช่วงที่เธอเผชิญภาวะจิตตก หรือรู้สึกหมดอาลัยตายอยากเป็นบางช่วง เมื่อเธอระบายให้คนรอบข้างฟัง กลับกลายเป็นว่ามันทำให้พวกเขารู้สึกร่วมตามกันไป นอกจากนั้นเธอยังจับสภาวะของตัวเองที่เสพสื่อมากเกินไปจนเครียด เอมี่ยังเป็นคนที่ครุ่นคิดเรื่องความตาย เธอผ่านการสูญเสียคนสำคัญในชีวิตมากหลายคน ทั้ง เพื่อน ทั้งพ่อ จนเธอเริ่มชินชา และมองความตายเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครหลีกเลี่ยงความตายได้ เธอให้สัมภาษณ์ในรอบสื่อที่เทศกาลภาพยนตร์ SXSW ว่า โดยส่วนตัวแล้ว เธอคิดว่าหนังแทบทุกประเภทล้วนว่าด้วยความตายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหนังดราม่า หนังวัยรุ่นหัวเลี้ยวหัวต่อ หนังวิทยาศาสตร์ หนังสยองขวัญ แม้แต่หนังรัก มันอาจจะฟังดูมืดมน แต่ต้องยอมรับว่าการที่มนุษย์มีชีวิตอยู่อย่างจำกัดนั้น มันทำให้ช่วงเวลาต่าง ๆ มีคุณค่า เพราะหากมนุษย์อยู่เป็นอมตะ เราคงไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการเลือกทางเดินชีวิตเลยและการได้สร้างหนังเรื่องนี้ก็เป็นการระบายความรู้สึกเหือดแห้งในใจเธอออกมา เพราะไม่ว่าอย่างไร ทุกคนก็ต้องตาย และเราควรพูดเรื่องความตายกันให้มากขึ้น


Comments

Popular posts from this blog

HOUSE OF INEQUITY (2023) หนังสยองขวัญ

รีวิว Waking Karma (2023)

ดูหนังสยองขวัญ Carnifex (2022)